วันพฤหัสบดีที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ถ้ำเขาบิน

               ตั้งอยู่ที่ตำบลหินกอง อ.เมือง จ.ราชบุรี ถนนลาดยางตลอดไปจนถึงทางเข้าถ้ำเลยทีเดียว การเดินทางจึงไม่ลำบากมากนัก และทางเข้าถ้ำก็ไม่สูง และทำเป็นบันได้ ดังนั้นถ้าใครมาเป็นครอบครัวใหญ่มีเด็ก หรือผู้สูงอายุมาด้วยก็ไม่ลำบากมากนัก

สิ่งที่น่าสนใจ
ภายในถ้ำเขาบินก็คือ บรรดาหินงอกหินย้อยต่าง ๆ ที่เกิดเป็นรูปร่างต่าง ๆ หลากหลายมากมายที่สวยงาม แต่อาจจะแสบตากับสีสันบ้างเล็กน้อย เพราะไฟภายในถ้ำนอกจากจะมีสีขาวนวลแล้ว ยังมีทั้งสีแดง สีเขียว สีฟ้า ทำให้บรรยากาศแปลกประหลาดกว่าถ้ำอื่น ส่วนชื่อถ้ำเขาบิน นั้นมาจากหินงอกหินย้อยรูปคล้ายพญาอินทรีย์กางปีกภายในถ้ำนั่นเอง

ภายในถ้ำเขาบินนี้ ตลอดเส้นทางปากถ้ำ จนถึงส่วนที่ลึกที่สุดประมาณ 500 เมตร จัดระเบียบเส้นทางเดินชมถ้ำไว้ได้อย่างเรียบร้อยทีเดียว มีป้ายบอกด้านทางเข้า ด้านทางออกไว้ ถ้าเดินไปตามเส้นทางที่จัดไว้ จะวนครบรอบได้ดูจนทั่วทั้ง 8 คูหาที่มี (ศิวสถาน โถงอาคันตุกะ ธารอโนดาต สกุณชาติคูหา เทวสภาสโมสร กินนรทัศนา พฤกษาหิมพานต์ และอุทยานทวยเทพ) และแต่ละคูหาจะมีลักษณะเด่นให้นักท่องเที่ยวที่ได้มาชมจินตนาการตามชื่อของคูหานั้น ๆ แต่อากาศในถ้ำจะอบอ้าวพอสมควร ถ้าเดินชมผ่าน ๆ จะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที แต่ถ้าชมดูรายละเอียดมากขึ้นก็จะใช้เวลามากกว่านั้น อาจถือพัดเล็ก ๆ ติดไม้ติดมือไปด้วยก็น่าจะดี ไม่งั้นท่านที่ขี้ร้อนอาจจะทนไม่ค่อยไหว

การเดินชมถ้ำเขาบินนั้นหากต้องการรายละเอียดมากขึ้นสามารถขอรับเอกสารได้ที่ซุ้มตรวจบัตรก่อนเข้าถ้ำเขาบิน หรือจะใช้บริการไกด์แนะนำถ้ำก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง โดยปกติภายในถ้ำมีไฟส่องสว่างพอสมควรอยู่แล้ว แต่หากต้องการความมั่นใจเพิ่มขึ้น สามารถขอเช่าไฟฉายจากเจ้าหน้าที่บริเวณซุ้มตรวจบัตรหน้าถ้ำเขาบินได้ (ค่าบริการ 10-20บาท) ส่วนค่าเข้าชมถ้ำผู้ใหญ่คนละ 20 บาท เด็กคนละ 10 บาท จันทร์-ศุกร์ เปิด 9.00-17.00 น. ส่วนเสาร์-อาทิตย์ เปิด 08.30-17.00 น.

การเดินทาง
ถ้ำเขาบิน อยู่ห่างจากจังหวัดไปตามทางหลวงหมายเลข 3087 (สายราชบุรี-จอมบึง-สวนผึ้ง) ระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร บริเวณกิโลเมตรที่ 20 มีทางแยกซ้ายมือเข้าไปประมาณ 1.6 กิโลเมตร


แผนที่การเดินทาง และ ท่องเที่ยวบริเวณถ้ำ

















ภายในถ้ำ







ที่มา : http://www.thongteaw.com





อ. สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี

หน้าฝนนี้ มีที่ท่องเที่ยวใกล้ๆกรุงเทพฯมาแนะนำกันสำหรับคนที่มีเวลาน้อย สามารถไปกลับได้ในวันเดียวหรือใครจะไปเย็นวันเสาร์ค้าง 1 คืนแล้วกลับวันอาทิตย์ก็ได้ ระหว่างทางกลับก็ยังมีที่ให้ชมให้ช็อบกันด้วย
สำหรับ อ.สวนผึ้งนั้นที่จริงก็สามารถเดินทางไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าไปหน้าฝนเราก้จะได้บรรยากาศอีกแบบหนึ่ง จะรู้สึกสดชื่นเพราะต้นไม้ใบหญ้าจะเขียวขจีน่ามองเชียว

การเดินทางมี 2 เส้นทางให้เลือกครับ

1.เส้น นครชัยศรี(ถนนเพชรเกษม) หรือทางพุทธมณฑล ผ่าน อ.โพธาราม  เข้า อ.เมือง ราชบุรี ตามทางหลวงหมายเลข 4 ตรงไปยัง อ.จอมบึง ตามทางหลวง 3087 แล้วก็จะถึง อ.สวนผึ้ง(เส้นทางนี้สามารถแวะเที่ยว ถ้ำเขาบิน ได้)
2. เส้น ธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) ทางหลวงหมายเลข 35 ผ่าน สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เลี้ยว ขวาเข้า อ.ปากท่อ ผ่าน อ.เมือง ราชบุรี ผ่านเขาแก่นจันทร์ แล้วเลี้ยวซ้าย เข้าทางหลวง 3208 ตรงไปตามทาง แล้วก็ถึง อ.สวนผึ้ง
                         ระยะทางจาก กรุงเทพฯ ไปราชบุรี ประมาณ​100 กิโลเมตร จากราชบุรี ไปอ.สวนผึ้งอีก 60 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ใกล้นิดเดียว

แหล่งท่องเทียวที่น่าสนใจ
  • น้ำตกเก้าชั้น  บริเวณต้นน้ำของน้ำตก ตั้งอยู่บนพื้นที่ราบสูงบริเวณเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งมีลักษณะป่าที่อุดมสมบูรณ์ และมีฝนตกชุกอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มีน้ำซึมซับตลอดเวลา ก่อให้เกิดจากธารน้ำธรรมชาติ หินบริเวณน้ำตกชั้นต่าง ๆ เป็นหินแกรนิต ป่าส่วนใหญ่ก็เป็นป่าเบญพรรณ เช่น ยาง เต็ง แดง ประดู่ ชิงชัน รัง มะค่าโมง ฯลฯ มีจุดกางเต้นท์ให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่ด้านบน

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หน้าฝนไปเที่ยวไหนดี

                   ช่วงหน้าฝนนี้หลายคนคงไม่ค่อยอยากออกจากบ้ากันสักเท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่า เมืองไทยเรานั้นแม้แต่หน้าฝนก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามจนสามารถทำให้คุณลืมความน่าเบื่อกับการเผชิญฝนที่กระหน่ำอยู่ในช่วงนี้ได้เลย
                   ผมมีสถานที่ท่องเที่ยวในช่วงหน้าฝนนี้มาให้พิจารณากันเป็น น้ำจิ้ม เพื่อเพิ่มความอยากให้กับผู้รักธรรมชาติทั้งหลาย เมื่อได้เห็นจะทำให้คุณอยากจะรักษาธรรมชาติของไทยไว้ เหมือนอย่างท่าน อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช   ท่าน ดำรงค์ พิเดช     เลยหล่ะครับ

มาดูกันเลยว่ามีที่ไหนน่าสนใจกันบ้าง

1. ภูทับเบิก จังหวัดเพชรบูรณ์

                      จุดเด่นที่สุดของภูทับเบิก คือ การชมวิวได้รอบทิศ 360 องศา เหนือบรรดาเมฆหมอกที่ลอยอยู่รอบๆ และมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีเนื่องจากเป็นยอดเขาสูงที่สุดของเพชรบูรณ์ และปลูกแต่กะหล่ำปลีทั่วทั้งหุบเขา ทำให้ไม่มีต้นไม้ใหญ่มาบดบังทัศนียภาพ และกระแสลมบนขณะที่ในบางเช้าก็มีทะลหมอกขนาดใหญ่ กินบริเวณกว้างทางด้านทิศตะวันออกที่ติดกับ อำเภอหล่มเก่า ถือเป็นทะเลหมอกที่ใกล้กับผู้ชมมากที่สุดเพราะหมอกทั้งหมดมาออกันอยู่ด้านข้างจุดกางเต็นท์นั่นเอง
                     หมู่ บ้านม้งทับเบิก ซึ่งอยู่ด้านในเลยจากจุดชมวิว ยังเป็นแหล่งศึกษาวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ซึ่งยังคงรักษาวิถีชีวิตตามแบบฉบับม้งดั้งเดิมไว้นอกจากนี้ยังมีวัดป่าบ้านทับเบิก เป็นจุดท่องเที่ยว และจุดชมวิวที่สำคัญภายในหมู่บ้าน เคยเป็นจุดที่ใช้รองน้ำค้างกลางหาวที่นำไปทำน้ำพระพุทธมนต์ เพื่อประกอบพิธีแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระราชพิธีสำคัญต่างๆ โดยวัดตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผาติดกับอำเภอหล่มเก่า ทำให้มองเห็นวิวในมุมสูงได้กว้างไกลมาก

                               








2.ทุ่งดอกกระเจียว จังหวัดชัยภูมิ
                       ทุก ๆ ปีในช่วงต้นฤดูฝน ประมาณเดือนมิถุนายนถึงเดือนสิงหาคม จังหวัดชัยภูมิจะจัดงานเทศกาลท่องเที่ยวดอกกระเจียวงาม ณ บริเวณอุทยานแห่งชาติ ป่าหินงาม อำเภอเทพสถิต และอุทยานแห่งชาติไทรทอง อำเภอหนองบัวระเหว เพราะเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ดอกกระเจียวสีชมพูอมม่วงและสีขาว จะผลิดอกบานชูช่อสวยสดงดงามเต็มทั่วท้องทุ่ง ดังนั้น ช่วงฤดูฝนแบบนี้จึงเป็นโอกาสเหมาะ ที่จะไปสัมผัสกับพันธุ์ไม้ประจำถิ่นที่ขึ้นมากที่สุดในประเทศไทย ณ จังหวัดชัยภูมิ



3.อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี

                         ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความงดงามของทิวทัศน์ ความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้ สำหรับ "ทองผาภูมิ" อำเภอสุดแดนตะวันตก ขอบชายแดนไทย-พม่า อาจเพราะสภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาสูงชัน จึงทำให้มีความสวยงามของท้องทะเลแห่งขุนเขา และทะเลหมอกในยามเช้า อีกทั้งยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอยู่หลายแห่ง เช่น เขื่อนเขาแหลม (เขื่อนวชิราลงกรณ์) อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่มีวิวทิวทัศน์ที่งดงาม, เขาช้างเผือก ที่มีความสูง 1,249 เมตร จากระดับน้ำทะเล เส้นทางเดินไปสู่ยอดเขาช้างเผือกเป็นป่าโปร่งสลับกับทุ่งหญ้า มองได้รอบทิศทาง 360 องศา, เหมืองปิล็อก เหมืองขนาดใหญ่ที่อดีตเคยทำรายได้หลักและเป็นลมหายใจของชีวิตคนกาญจนบุรี
                        บ้านอีต่อง หมู่บ้านเล็ก ๆ ในหุบเขาที่เงียบสงบ ยังคงรักษาวิถีชีวิตแบบดั่งเดิมเอาไว้, น้ำตกจ๊อกกระดิ่น มีความยาวประมาณ 5 กิโลเมตร ในยามหน้าฝนสายน้ำจะไหลพรั่งพรู สวยงามมาก และ ดอยต่องปะเล จุดชมทิวทัศน์ที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ โดยเฉพาะยามที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าในยามเย็น จะสวยงามและได้บรรยากาศที่สุด


4. อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์

                         ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหน ดูเหมือนว่า อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ก็ยังคงได้รับความนิยมในหมู่นักเดินทางที่ชอบธรรมชาติ หลงใหลการเดินป่าเสมอ เพราะไม่ว่าฤดูอะไรอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวก็งดงามไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องด้วยสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อน ทำให้ภาพสายหมอกลอยอ้อยอิ่งหยอกล้อกับขุนเขามีให้เห็นเสมอ ยิ่งช่วงฤดูฝนแบบนี้แล้ว ความเขียวขจีของธรรมชาติยิ่งเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งเสน่ห์ที่ใคร ๆ ต่างก็อยากไปเที่ยวน้ำหนาวในฤดูฝน เพราะมีสิ่งมหัศจรรย์ซ่อนอยู่ นั่นคือ กล้วยไม้ยักษ์เอื้องบุษราคัม ช่อดอกเหลืองอร่ามรามบุษราคัม











5.ล่องแก่งลำน้ำเข็ก จังหวัดพิษณุโลก

                            เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมแอดเวนเจอร์ที่ต้องรอให้ถึงฤดูฝนซะก่อน ถึงจะทำให้ดีกรีความมันส์เพิ่มมากขึ้น สำหรับการล่องแก่งไปตามกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวกราก และสนามล่องแก่งที่คนรักการผจญภัยในสายน้ำไม่ควรพลาด นั่นก็คือ การล่องแก่งลำน้ำเข็ก อำเภอวังทอง จังหวัดพิษณุโลก เพราะที่นี่มีกระแสน้ำไหลผ่านเกาะแก่งต่าง ๆ มากมาย แถมตลอดเส้นทางยังมีระดับความยากง่ายท้าทายความสามารถอีกเพียบ อีกทั้งตลอดเส้นทางที่ล่องแก่งยังจะได้สัมผัสกับธรรมชาติตลอดระยะทาง 8 กิโลเมตร ที่ลอยละล่องลุ้นระทึกอยู่บนเรือยาง

                            ทั้งนี้ การล่องแก่งลำน้ำเข็ก ไม่อนุญาตให้เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ลงล่องแก่งโดยเด็ดขาด โดยยึดตามข้อบังคับของชมรมผู้ประกอบการล่องแก่งลำน้ำเข็ก ที่ผู้ประกอบการทุกคนต้องปฏิบัติตามโดยเคร่งครัดเพื่อความปลอดภัย